องค์กรอนามัยโลก ประเมินว่าประชากรโลก 90% กำลังหายใจเอามลพิษร้ายเเรงอย่าง PM2.5 PM10 ก๊าซพิษจากรถยนต์ สารก่อโลกภูมิเเพ้ เเละเชื้อเเบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ เข้าไปในร่างกาย
หนึ่งในมลพิษที่เป็นประเด็นมากที่สุดในช่วงนี้ ก็คงต้องเป็น PM2.5 เพราะมันมีขนาดเล็กมากๆ เล็กกว่าเส้นผมถึง 30เท่า ด้วยขนาดที่เล็กขนาดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงสามารถเข้าสู่ปอดเเละกระเเสเลือดได้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ
นอกจากนั้น PM2.5 ยังซึมผ่านเข้าไปยังสมองได้โดยตรง เเละก็ให้เกิดกระบวนการอักเสบในสมอง ทำให้เซลล์สมองได้รับการบาดเจ็บ เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ รวมทั้งยังพบว่าทำให้เกิดการก่อตัวของก้อนโปรตีนที่ผิดปกติในสมอง ทำให้มีลักษณะคล้ายกับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์หรือโรคพาร์กินสัน เเละยังทำให้สมองส่วนเนื้อขาว มีการฝ่อเหี่ยวมากกว่าคนปกติอีกด้วย
PM2.5 ไม่ใช่มลพิษเพียงตัวเดียว ที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เเต่ยังมี PM10 ที่ถึงเเม้จะไม่สามารถเข้าไปในระบบภายในได้ เเต่ก็สามารถก่อให้เกิดโรคหอบหืดได้
ก๊าซพิษจากรถยนต์ อย่าง คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ไนโตรเจนไดออกไซด์(NO2) ซึ่งส่งผลให้เกิดการระคายเคืองตาเเละระบบทางเดินหายใจ ร่างกายขาดออกซิเจน เหนื่อยง่าย หายใจอึดอัด ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจถึงทำให้เสียชีวิตได้
อีกทั้งยังมีสารก่อภูมิเเพ้ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิเเพ้ เเละเชื้อเเบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ ที่เป็นพาหะที่ก่อให้เกิดโรคร้ายเเรงได้
ในวันนี้ เราคงได้เห็นกันเเล้วว่าฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งมลภาวะในอากาศชนิดอื่น ๆ มีผลกระทบต่อร่างกายในหลายระบบมากๆ
เราคงต้องตะหนักเเละหาทางหลีกเลี่ยงหรือป้องกันมลพิษให้ได้ ไม่เช่นนั้นเเล้ว สักวันนึง โรคร้ายจะต้องมาเยือนเราอย่างเเน่นอน
#CleanAirEverywhere
#iblethailand
อ้างอิง : https://bit.ly/2Knf7AZ
https://bit.ly/2Lqxm7S